จดหมายถึงญาติมิตรพัฒนาสังคม ฉบับที่ 39 (7 ม.ค. 51)

จดหมายถึงญาติมิตรพัฒนาสังคม ฉบับที่ 39 (7 ม.ค. 51)


ปีใหม่ที่มีเรื่อง ดีๆ ผสมกับเรื่อง ยุ่งๆ อยู่ด้วยเป็นธรรมดา

                 ปีใหม่ที่เวียนมาครั้งใด เราก็อวยพรให้กันและกัน ให้ทุกอย่างดีขึ้นกับทุกคน ให้สุขภาพดี กิจการงานดี ชีวิตดี มีความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้า เกิดความสงบสุขสันติ มีความรักความสามัคคี เป็นมิตรไมตรีซึ่งกันและกัน และอื่นๆ

                แต่ในความเป็นจริง ไม่ว่าจะปีเก่าหรือปีใหม่ หรือช่วงเวลาใด จะมีทั้งเรื่องดีและไม่ดี ความสุขและความทุกข์ ความเจริญและความเสื่อม ความเป็นมิตรและความเป็นปฏิปักษ์ ความราบรื่นและความยุ่งเหยิง ความสันติและความรุ่มร้อน ปะปนคละเคล้ากันไป

สำหรับคนไทยทั่วประเทศ พอวันขึ้นปีใหม่เพิ่งผ่านไป ก็ได้ทราบถึงการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงสงขลานครินทร์ ในวันที่ 2 ม.ค. 51 ซึ่งสร้างความเศร้าโศกเสียใจอาลัยรักอย่างกว้างขวาง แต่พร้อมกันนั้นคนไทยทั้งหลายก็ได้ตระหนักถึงพระมหากรุณาธิคุณใหญ่หลวงที่มีต่อประชาชนและสังคมไทย พระปรีชาสามารถในด้านต่างๆอันน่าปลื้มปิติ และพระจริยาวัตรที่งดงามตลอดจนพระเมตตาปราณีอย่างลึกซึ้งของพระองค์ท่าน ซึ่ งจะสถิตย์อยู่ในใจของคนไทยโดยทั่วไปตราบนานเท่านาน

                สำหรับผมเอง เริ่มทำงานวันแรก 2 ม.ค. 51 ก็เจอเรื่อง “ยุ่งๆ” 2 เรื่อง คือเกี่ยวกับ “กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.)” (ที่ผมเป็นประธาน) เรื่องหนึ่ง กับที่เกี่ยวกับ “กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)” (ที่ผมเป็น รมว.และนพ.พลเดช เป็น รมช.) อีกเรื่องหนึ่ง

เรื่องกองทุน “กฟก.” เป็นการชุมนุมของ “เครือข่ายหนี้สินชาวนาแห่งประเทศไทย” หน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเรียกร้องเกี่ยวกับการจัดการหนี้สินของชาวนาที่ยังค้างคาอยู่และเกี่ยวกับการสรรหาและแต่งตั้ง “เลขาธิการ กฟก.” ซึ่งเรื่องหลังนี้จะเกี่ยวกับผมเป็นการเฉพาะเจาะจงมากหน่อย เนื่องจากผมเป็นประธานคณะกรรมการ กฟก. ซึ่งรับผิดชอบและตัดสินใจในขั้นตอนสำคัญๆของกระบวนการสรรหาและแต่งตั้งเลขาธิการ กฟก.

ข้อเรียกร้องคือ ไม่เห็นด้วยกับกระบวนการและการตัดสินใจแต่งตั้งเลขาธิการ กฟก. คนใหม่ ซึ่งขณะนี้ยังคงอยู่ในกระบวนการแต่งตั้งและทำสัญญาที่ยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ โดยคาดว่าจะพิจารณาประเด็นและแง่มุมต่างๆให้เรียบร้อยตลอดจนนำเข้าหารืออีกรอบหนึ่งในคณะกรรมการ กฟก. ในวันที่ 11 ม.ค. 51 นี้ เพื่อให้ได้รับความเห็น ชอบร่วมกันและเกิดความเรียบร้อยราบรื่นอย่างมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ส่วนเรื่องกระทรวง “พม.” ได้มีการออกหนังสือร้องเรียนและเรียกร้องโดยไม่ระบุชื่อผู้ร้องเรียน แจกจ่ายให้สื่อมวลชนหน้าห้องประชุม ครม. เป็นเรื่องเกี่ยวกับการย้ายปลัดกระทรวงไปเป็นที่ปรึกษาระดับ 11 สังกัดสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้ร้องเรียน (ซึ่งไม่ระบุชื่อ) เห็นว่าไม่ควรดำเนินการและเรียกร้องให้ระงับการย้ายไว้ก่อน พร้อมทั้งกล่าวหารัฐมนตรีว่าการและรัฐมนตรีช่วยว่าการว่าเจตนาไม่บริสุทธ์กับมีข้อกล่าวหาอื่นๆด้วย

เรื่องนี้ผมกับ รมช.พลเดช ได้หารือกันแล้ว เห็นควรนำเข้าหารือในการประชุมคณะผู้บริหารกระทรวง พม. ในวันที่ 8 ม.ค. 51 เพื่อพิจารณาร่วมกันว่า ควรดำเนินการอะไรอย่างไรบ้าง เพื่อให้เหมาะสมเป็นธรรมกับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย พร้อมทั้งเกิดผลดีต่อข้าราชการกระทรวง พม. โดยรวม เป็นผลดีต่อองค์กรคือตัวกระทรวง พม. และเป็นผลดีต่อสังคมรวมถึงประชาชนในที่สุด

                นอกจากเรื่อง “ยุ่งๆ” ดังกล่าว ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้พบกับเรื่อง “ดีๆ” เสียเป็นส่วนใหญ่ ได้แก่ การแสดงความรัก ความปรารถนาดี และความเป็นมิตรไมตรีต่อกัน ที่อบอุ่นสร้างสรรค์จรรโลงใจ เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ ในหมู่ญาติ หมู่มิตร หมู่เพื่อนร่วมงาน ผู้ร่วมกิจกรรม ผู้ร่วมสถาบัน ฯลฯ ทำให้เห็นชัดว่า “ความรักความเป็นมิตร” หรือ “เมตตาธรรม” เป็น “เครื่องค้ำจุนโลก” ได้จริงๆ

การประชุม ครม. (วันที่ 2 ม.ค.) เป็นไปด้วยดี ยังคงมีเรื่อง “ดีๆ” ที่ ครม. ให้ความเห็นชอบหลายเรื่อง

การประชุม “คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอ ครม. คณะที่ 2” (เช้าวันที่ 3 ม.ค.) ซึ่งผมเป็นประธาน ก็เป็นไปด้วยดี มีการสรุปข้อคิดว่า คณะกรรมการชุดนี้ได้มีทัศนคติ มีวิธีคิด และใช้กระบวนการที่ช่วยให้สามารถกลั่นกรองเรื่องได้อย่างมีคุณภาพ รวมถึงการคลี่คลายกรณีที่มีความเห็นขัดแย้งให้หาข้อยุติร่วมกันได้อย่างราบรื่นในที่สุด

(บ่ายวันที่ 3 ม.ค.) เป็นประธานการประชุมหารือปัญหาข้อขัดข้องเกี่ยวกับการตั้งงบประมาณระหว่างสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) กับสำนักงบประมาณ สามารถหาข้อสรุปที่พอใจร่วมกันได้ จากนั้นให้สัมภาษณ์ยาวกับผู้จัดทำวารสาร “กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร” โดยให้ความคิดเห็นของผมเกี่ยวกับวิธีแก้ปัญหาหนี้สินเกษตรกรให้ได้ผลอย่างแท้จริงและยั่งยืน และประเด็นอื่นๆ

(วันที่ 4 ม.ค.) (เช้า) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการซึ่งรัฐบาลเพิ่งตั้งขึ้นเพื่อช่วยประสานการติดตามเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน (จากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ) ได้ข้อสรุปที่ดีเกี่ยวกับวิธีดำเนินการในเรื่องนี้ ซึ่งจะลงมือทำเลยพร้อมทั้งรายงานให้คณะรัฐมนตรีทราบ

(กลางวัน) เป็นประธานการประชุมหารือเกี่ยวกับโครงการ “วังปลาไทยเทิดไท้องค์ราชัน” ซึ่งกรมประมงเป็นผู้ดำเนินการในเขตแม่น้ำเจ้าพระยา ปรากฎว่าที่ทำไปแล้ว 9 แห่ง ได้ผลดีจึงจะขยายการดำเนินการต่อไปอีกตลอดช่วงแม่น้ำเจ้าพระยา

(บ่าย) เป็นประธานการประชุม “คณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเจริญพระชนมายุ 7 รอบ 6 พฤษภาคม 2550” (ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ) เป็นการประชุมปิดงานซึ่งเสร็จสิ้นเรียบร้อยหมดแล้ว มีงบประมาณเหลือประมาณ 150 ล้านบาท (จากที่ได้รับจัดสรร) ซึ่งคณะกรรมการเห็นควรส่งคืนกระทรวงการคลังต่อไป

                สรุปแล้ว จะเห็นว่าในสัปดาห์แรกของปีผมได้พบกับ “เรื่องดีๆ” มากกว่า “เรื่องยุ่งๆ” หรือ “เรื่องไม่ดี” อย่างชัดเจน ผมจึงเชื่อว่า สภาพตลอดปี 2551 จะคล้ายๆกัน คือ มีเรื่องดีๆมากกว่าเรื่องไม่ดีหลายเท่า

สวัสดีครับ

ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม

อ้างอิง
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย นาย ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ใน ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม
เว็บไซต์ ต้นฉบับ https://www.gotoknow.org/posts/157923

<<< กลับ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *