แนวทางในการขับเคลื่อนขบวนองค์กรการเงินชุมชน

แนวทางในการขับเคลื่อนขบวนองค์กรการเงินชุมชน


      (1 ก.ค. 49) ไปร่วม “มหกรรมจัดการความรู้ เรื่อง สถาบันการเงินเพื่อสวัสดิการชุมชน” จัดโดย “หน่วยจัดการความรู้องค์กรการเงินชุมชน มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์” ร่วมกับ “มูลนิธิดร.ครูชบ–ปราณี ยอดแก็ว” และ “สมาคมสวัสดิการภาคประชาชนสงขลา” โดยการสนับสนุนของ สกว. (สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย) และ ศตจ. (ศูนย์อำนวยการต่อสู้เพื่อเอาชนะความยากจนแห่งชาติ) โดยจัดที่ตำบลน้ำขาว อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา และที่ห้องประชุมโรงแรมกรีนเวิลด์พาเลซ อำภอเมือง จังหวัดสงขลา (ผมไปร่วมเฉพาะที่ตำบลน้ำขาว)

มหกรรมนี้เกี่ยวข้องกับการทำกรณีศึกษาและการจัดการความรู้จากประสบการณ์การสร้างสถาบันการเงินเพื่อสวัสดิการชุมชนรวม 5 กรณีใน 5 จังหวัด คือ

1. สงขลา  (เครือข่ายสัจจะลดรายจ่ายวันละ 1 บาททำสวัสดิการภาคประชาชนแก้จนอย่างยั่งยืน)

            2. ลำปาง  (เครือข่ายออมทรัพย์เพื่อสร้างสวัสดิการวันละบาท)

                       3. ตราด  (เครือข่ายสัจจะสะสมทรัพย์พัฒนาคุณธรรมครบวงจรชีวิต)

            4. สมุทรปราการ  (เครือข่ายกองทุนหมู่บ้านตำบลในคลองบางปลากด)

            5. นครศรีธรรมราช (เครือข่ายกองทุนหมู่บ้านตำบลกะหรอ กึ่งอำเภอนบพิตำ)

ผู้เป็นหลักในการทำการศึกษา คือ อาจารย์ภีม ภคเมธาวี จากมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เป็นการศึกษาที่มีคุณค่าน่าชื่นชม ควรนำไปใช้ประโยชน์ได้ดี โดยหลายๆฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบองค์กรการเงินเพื่อสวัสดิการชุมชน ทั้งในฐานะองค์กรการเงินชุมชนเอง ในฐานะผู้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ และในฐานะหน่วยงานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือสนใจในการพัฒนาระบบสถบันการเงินเพื่อสวัสดิการชุมชน            ในเวทีกลางแจ้งที่ตำบลน้ำขาว อำเภอจะนะ ผมได้เป็นวิทยากรบรรยายในหัวข้อ “แนวทางในการขับเคลื่อนขบวนองค์กรการเงินชุมชน” โดยให้ความเห็นว่าในอนาคต ขบวนองค์กรการเงินชุมชนอาจได้รับการขับเคลื่อนไปภายใต้แนวทางใดแนวทางหนึ่งดังนี้

1. แนวทางแบบ “รัฐโน้มนำ” ซึ่งจะเกิดขึ้นหากรัฐบาลใช้ “กองทุนหมู่บ้าน” เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนขบวนองค์กรการเงินชุมชน

2. แนวทางแบบ “รัฐหนุนแนว” ซึ่งจะเกิดขึ้นถ้ารัฐบาลดำเนินการตามข้อเสนอใน “ร่างแผนแม่บทองค์กรการเงินชุมชน” ซึ่งกระทรวงการคลังเป็นแม่งานและอยู่ระหว่างการแก้ไขปรับปรุงขั้นสุดท้าย

3. แนวทางแบบ “ประชาชนนำน้าว” ซึ่งจะเกิดขึ้นในกรณีที่ภาคประชาชนมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนขบวนองค์กรการเงินโดยรัฐบาลให้การรับรู้และสนับสนุนตามที่ประชาชนเสนอแนะหรือตามที่เห็นว่าเหมาะสมสอดรับกับแนวทางของภาคประชาชน

ผมให้ความเห็นว่า ทั้ง 3 แนวทางมีความเป็นไปได้ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แต่ผมเองเห็นว่าแนวทางแบบที่ 2 และ 3 น่าจะดีกว่าแนวทางแบบที่ 1 และไม่ว่ากรณีจะเป็นอย่างไร สิ่งที่มีคุณค่าแน่นอนและควรดำเนินการให้บังเกิดผลดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ได้แก่

1. การให้ประชาชนมีบทบาทสำคัญในการพัฒนา หรือ “การพัฒนาที่ประชาชนเป็นศูนย์กลาง” ซึ่งเป็นแนวทางที่กำหนดไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 8 และ 9

2. การประสานความร่วมมือและสนับสนุนจากฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะที่เป็นหน่วยงานภาครัฐด้วยกัน

3. การพัฒนาระบบข้อมูลและสารสนเทศที่ดีพอและมากพอ

4. การจัดการความรู้อย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง รวมถึงการจัดการความรู้ภายในองค์กร การจัดการความรู้ระหว่างองค์กร การจัดการความรู้ภายในเครือข่ายและระหว่างเครือข่าย การจัดการความรู้ภายประเทศและระหว่างประเทศ ตลอดจนควรมีการศึกษาวิจัยที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ประกอบด้วย

5. การพัฒนาความสามารถในการจัดการ รวมถึง การจัดการองค์กรตนเอง การจัดการเครือข่าย การจัดการสนับสนุน (จากแหล่งต่างๆ) ให้ได้ทั้งคุณภาพ ประสิทธิภาพ และความราบรื่นเรียบร้อย ฯลฯ

ไพบุลย์ วัฒนศิริธรรม

13 ก.ค. 49

อ้างอิง
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย นาย ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ใน ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม
เว็บไซต์ ต้นฉบับ  https://www.gotoknow.org/posts/38472

<<< กลับ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *