ออกแบบประเทศไทย 2562 เพื่ออนาคตหลังวิกฤตเศรษฐกิจ : ประเด็นสังคมและชุมชน
(บทสัมภาษณ์ นำลงในเอกสารประกอบการประชุมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “ออกแบบประเทศไทย 2562 : หลังวิกฤตเศรษฐกิจโลก” วันที่ 28 ก.พ. – 1 มี.ค. 2552 ณ โรงแรมโรสการ์เด้น ริเวอร์ไซค์ สวนสามพราน จ.นครปฐม)
สถานการณ์ปัจจุบัน
สถานการณ์ปัจจุบันน่าจะเรียกได้ว่าเป็นทวิวิกฤตกล่าวคือ การเมืองมีความสับสนวุ่นวาย ไม่มั่นคง และมีการเผชิญหน้าระหว่างกัน การปกครองแม้จะมีความพยายามกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่นแต่ยังคงบริหารจัดการแบบรวมศูนย์ เช่นเดียวกับเศรษฐกิจที่มีความไม่สมดุลโดยพื้นฐานจึงถือว่าอยู่ในสภาวะวิกฤต ในขณะที่ความสัมพันธ์ของประชาชนในสังคมถูกแบ่งข้างทางความคิดกระทบต่อสุขภาพทั้งทางจิตใจและทางร่างกาย การศึกษาและการเรียนรู้ไม่สามารถแสดงบทบาทในการเกื้อหนุนสังคมได้ วัฒนธรรมและจิตสำนึกที่สั่งสมมาตามกระแสทุนนิยมของสังคมโลกทำให้ประชาชนมีความเห็นแก่ตัวมากขึ้นหรือเข้าลักษณะบริโภคนิยม โดยรวมสังคมไทยยังคงมีปัญหาเช่นเดียวกับประเทศอื่นๆ ในโลกปัจจุบัน ซึ่งการจัดการสังคมที่ดีนั้นควรเป็นการจัดการแบบองค์รวม เชิงระบบ อย่างมีพลวัต และอย่างเป็นขบวนการ โดยมีเป้าหมายให้สังคมอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน และมีกลไกขับเคลื่อนที่สำคัญคือ การเมืองการปกครอง เศรษฐกิจและธุรกิจ สังคมและสุขภาพการศึกษาและการเรียนรู้ วัฒนธรรมและจิตสำนึก
อนาคตและการรับมือ
การพัฒนาด้านการเมืองการปกครองสู่ประชาธิปไตยที่มีคุณภาพ และสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจะเป็นปัจจัยสำคัญในการบริหารจัดการระบบทางสังคม โดยกลุ่มผู้มีบทบาทในการผลักดันและขับเคลื่อนที่สำคัญคือ นักการเมือง (ทั้งระดับชาติ และระดับท้องถิ่น) ข้าราชการ นักธุรกิจ นักวิชาการ นักจริยธรรม ชุมชนท้องถิ่น ชุมชนองค์กร และประชาสังคม ซึ่งมาตรการนำทางในระยะ 10 ปีข้างหน้าที่จะนำสังคมไปสู่ความอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันคือ
- ปฏิรูปคุณภาพและปฏิบัติการทางการเมือง ให้เป็นการเมืองของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน และมุ่งพัฒนาไปสู่ประชาธิปไตยแบบสันติ อารยะ สามัคคี
- กระจายอำนาจการปกครองสู่ท้องถิ่นและ “ชุมชนท้องถิ่น” ให้ได้อย่างแท้จริง พร้อมกับเพิ่มศักยภาพของท้องถิ่นและ “ชุมชนท้องถิ่น” ในการพัฒนาตนเองให้มีความอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกันอย่างบูรณาการและมั่นคงยั่งยืน
- พัฒนา “ชุมชนองค์กร”และ “ภาคประชาสังคม”ให้มีความเข้มแข็งและอยู่เย็นเป็นสุข พร้อมกับเป็นกำลังสำคัญในการสร้างสังคมที่เข้มแข็งและอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน
- พัฒนาภาคธุรกิจและภาควิชาการให้มีขีดความสามารถในการสร้างความเจริญแบบพอเพียง สมดุลย์ และมั่นคงยั่งยืน
- ปฏิรูปการศึกษาและการเรียนรู้ ให้เป็นการพัฒนาชีวิตและสังคมอย่างบูรณาการ พร้อมทั้งมีวิธีการบริหารจัดการที่ดีในระบบการจัดการศึกษาเรียนรู้ทุกระดับ
- ขับเคลื่อนขบวนการทางสังคมเพื่อพัฒนาสุขภาวะ วัฒนธรรมและจิตสำนึก ที่มุ่งสู่สังคมอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน
อ้างอิง
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย นาย ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ใน ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม
เว็บไซต์ ต้นฉบับ https://www.gotoknow.org/posts/244925