สารจากที่ปรึกษากิตติมศักดิ์
(สารจากที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม ลงในหนังสือรายงานประจำปี พ.ศ. 2552)
“ศูนย์คุณธรรม” ได้ดำเนินงานมาเป็นเวลากว่า 5 ปี ได้ใช้กระบวนการ “ขับเคลื่อนขบวนการคุณธรรม” เป็นหลักในการส่งเสริมคุณธรรมความดีในสังคมไทย รวมถึงในการดำเนินชีวิต ในครอบครัว ในชุมชน ในองค์กร และในสังคมโดยรวม ปรากฏเป็นผลงานที่น่าพึงพอใจและเป็นรูปธรรมกระจายไปอย่างกว้างขวางในชุมชน องค์กร สถาบัน และอื่นๆ ทั่วประเทศและในหลายรูปแบบ โดยที่ยังมีข้อบกพร่อง ความไม่สมบูรณ์ ความไม่เพียงพอ และความขัดข้องต่างๆอยู่ด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาของงานที่ใหญ่ สำคัญ สลับซับซ้อน และมีความยาก เช่นเดียวกับเรื่องอื่นๆ เช่น การส่งเสริมสุขภาพ การส่งเสริมประชาธิปไตย การส่งเสริมธรรมาภิบาล เป็นต้น
ขณะนี้ “ศูนย์คุณธรรม” กำลังอยู่ในสภาวะหัวเลี้ยวหัวต่อ หรือสภาวะเปลี่ยนผ่าน โดยได้เปลี่ยนจากองค์กรที่มีความเป็นอิสระและมีความคล่องตัวพอสมควร ภายใต้การกับกับดูแลห่างๆจากสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (สบร.) ซึ่งเป็นองค์การมหาชน มาเป็นหน่วยงานภายในของ สบร. ซึ่งมีความเป็นอิสระและความคล่องตัวลดลงจากเดิมมาก ขณะเดียวกันก็กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาให้ “ศูนย์คุณธรรม” เป็นองค์การมหาชนอีกองค์การหนึ่งทำนองเดียวกับตัว สบร. ซึ่งเป็นองค์การมหาชนและมีความเป็นอิสระคล่องตัวตามเจตนารมณ์ของ พรบ. องค์การมหาชนอยู่แล้ว
ในสภาวะของการ “เปลี่ยนผ่าน” ดังกล่าว ผมจึงมีข้อคิดเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาในความพยายามที่จะให้ “ศูนย์คุณธรรม” สามารถดำเนินภารกิจได้อย่างประสบความสำเร็จดีที่สุด ดังต่อไปนี้
1. สถานภาพขององค์กร ศูนย์คุณธรรมควรมีสถานภาพที่มีความเป็นอิสระและมีความคล่องตัวเทียบเท่าองค์การมหาชน เช่น สบร. พอช. สสส. ฯลฯ ด้วยเหตุผลซึ่งควรชัดเจนอยู่ในเจตนารมณ์ของ พรบ.องค์การมหาชน และเป็นเหตุผลเดียวกันกับในการจัดตั้ง สบร. พอช. สสส. ฯลฯ เป็นองค์การมหาชน
2. ประธานและคณะกรรมการ ควรมีระบบการสรรหาประธานและคณะกรรมการ “ศูนย์คุณธรรม” อย่างพิถีพิถัน เพื่อให้มีบุคคลที่จะเป็นเสาหลักที่มั่นคงพร้อมกับสามารถชี้ทิศทางสำคัญควบคู่กับการกำกับดูแลอย่างแข็งขันให้กับการดำเนินงานของศูนย์ฯได้อย่างต่อเนื่อง
3. ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ มีความสำคัญมาก โดยเฉพาะผู้บริหารสูงสุด จึงควรมีกระบวนการสรรหาที่พิถีพิถันเช่นเดียวกับการสรรหาประธานและคณะกรรมการ รวมถึงการกำหนดเงื่อนไขการทำงานที่เหมาะสมด้วย
4. เป้าหมายขององค์กร ควรมีเป้าหมายที่เข้าใจง่ายและชัดเจน ซึ่งเรื่อง “การส่งเสริมคุณธรรม” คือการ “ส่งเสริมความดี” และ “ความดี” อาจอธิบายง่ายๆว่าประกอบด้วย (1) การทำสิ่งที่เป็นคุณ (2) การไม่ทำสิ่งที่เป็นโทษ (3) การสร้างศักยภาพที่จะทำดี (4) การสร้างทัศนคติละเว้นสิ่งที่ไม่ดี
5. วิธีดำเนินงาน ข้อนี้สำคัญมากหรือมากที่สุด จะต้องมีวิธีดำเนินงานซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่จะสร้างพลังขับเคลื่อนสังคมได้อย่างเป็นรูปธรรมและอย่างกว้างขวาง ยุทธศาสตร์สำคัญเพื่อการนี้อาจประกอบด้วย
5.1 ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่การขับเคลื่อน “ขบวนการส่งเสริมความดี” ใน “องค์กร” และใน “ชุมชน” ซึ่ง “องค์กร” หมายถึงกลไกที่บุคคลมารวมตัวกันประกอบการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ได้แก่ องค์กรธุรกิจ องค์กรภาครัฐ องค์กรศาสนา สถาบันการศึกษา องค์กรสาธารณประโยชน์ ฯลฯ ส่วน “ชุมชน” คือ พื้นที่หรือกลไกที่กลุ่มคนมีวิถีชีวิตและหรือมีกิจกรรมร่วมกันอยู่เป็นประจำ มีความผูกพันเกี่ยวข้อง ตลอดจนมีผลประโยชน์เชื่อมโยงกระทบต่อกันและกัน โดยทั่วไปได้แก่ (1) “ชุมชนท้องถิ่น” ซึ่งมีพื้นที่เป็นตัวตั้ง เช่น หมู่บ้าน ตำบล ย่าน กลุ่มบ้าน กลุ่มท้องถิ่น เขต อบต. เขตเทศบาล เขตจังหวัด ฯลฯ และ (2) “ชุมชนกิจกรรม” ซึ่งมีกิจกรรมเป็นตัวตั้ง เช่น ชุมชนกลุ่มข่ายพิทักษ์สิ่งแวดล้อม ชุมชนศิลปวัฒนธรรม ชุมชนเครือข่ายอาสาสมัคร เป็นต้น และในระหว่าง “ชุมชน” 2 ประเภท นี้ “ชุมชนท้องถิ่น” ถือว่าสำคัญที่สุดเพราะกระจายครอบคลุมพื้นที่และประชากรทั่วประเทศ
5.2 ยุทธศาสตร์สนับสนุน ควรประกอบด้วยพลังและปัจจัยที่จะหนุนนำและหนุนเนื่องให้ “ยุทธศาสตร์หลัก” ประสบความสำเร็จด้วยดี ยุทธศาสตร์สนับสนุนที่สำคัญได้แก่ (1) นโยบายรวมถึงการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลแห่งชาติ ขององค์กรภาครัฐ และขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินงานของ “ศูนย์คุณธรรม” (2) การสื่อสารสาธารณะที่มีพลังและมีประสิทธิภาพทั้งในระดับชาติและในระดับท้องถิ่น (3) การวิจัยและการจัดการความรู้ที่เหมาะสมและเพียงพอ (4) การสร้างเครือข่ายเชื่อมประสาน “องค์กร” “ชุมชน” และขบบวนการต่างๆในสังคมที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมคุณธรรมความดีให้เกิดพลังร่วมและพลังหนุนเสริมซึ่งกันและกันอย่างมีคุณภาพและอย่างต่อเนื่อง และ (5) การพัฒนาองค์กร “ศูนย์คุณธรรม” ให้มีครบทั้ง “ความดี” “ความสามารถ” และ “ความสุข” อย่างเพียงพอ สมดุล และบูรณาการ
ผมเชื่อว่า หากสามารถนำข้อคิดเห็นดังกล่าวข้างต้นไปประยุกต์ใช้ในการจัดตั้ง “ศูนย์คุณธรรม” ในฐานะองค์กรที่มีสถานภาพแบบใหม่ หรือแม้แต่ในสถานภาพการดังเช่นปัจจุบันก็ตาม น่าจะช่วยให้การดำเนินภารกิจอันสำคัญและทรงคุณค่าของ “ศูนย์คุณธรรม” มีความก้าวหน้าและประสบความสำเร็จดีขึ้นอย่างแน่นอน
ในโอกาสนี้ ใคร่ขอให้กำลังใจคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ ผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ และผู้เกี่ยวข้องทั้งหลาย ของ “ศูนย์คุณธรรม” ว่าที่ได้พยายามทำมาในอดีตนั้น ถือว่าได้ทำดีมี่สุดแล้ว และหวังว่าจะสามารถทำได้ดียิ่งๆขึ้นต่อไปในอนาคต ดัวยการพินิจพิจารณาให้ถ่องแท้เกี่ยวกับประเด็นสำคัญต่างๆ สร้างความเห็นที่เป็นฉันทามติร่วมกัน แล้วใช้ความ “รู้ รัก สามัคคี” เป็นพลังขับเคลื่อนงานของ “ศูนย์คุณธรรม” ไปสู่ความสำเร็จที่มีคุณค่าและน่าภาคภูมิใจได้ในที่สุด
ธันวาคม 2552
อ้างอิง
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย นาย ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ใน ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม
เว็บไซต์ ต้นฉบับ https://www.gotoknow.org/posts/319589