การสร้างคน สร้างชาติ และส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมของประเทศเวียดนาม
(10 – 13 พ.ค. 49) ร่วมไปกับคณะศึกษาดูงานการส่งเสริมคุณธรรมของประเทศสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม จัดโดยศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม (ศูนย์คุณธรรม) ผู้ร่วมคณะ 35 คน ประกอบด้วยพระมหาพงศ์นรินทร์ ฐิตวังโส ศ.สุมน อมรวิวัฒน์ ดร.รุ่ง แก้วแดง ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช คุณมัณฑนา ศังขะกฤษณ์ คุณวินัย รอดจ่าย นพ.อำพล จินดาวัฒนะ และคนอื่นๆจากหลากหลายองค์กรที่เกี่ยวข้องโดยตรงหรือโดยอ้อมกับการศึกษาและการพัฒนาคน
จุดที่ไปศึกษาดูงาน ประกอบด้วย
1. An Duong Primary School กรุงฮานอย ระดับประถมศึกษา
2. The Humanity Cultural Social Scientific University กรุงฮานอย เป็นมหาวิทยาลัยระดับประเทศ
3. Baichay Halong School เมืองฮาลอง ระดับประถมศึกษา
สลับกับศึกษาดูงานที่เป็นเนื้อหาสาระว่าด้วยการศึกษาและการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมโดยตรง ก็ได้ไปเยี่ยมชมสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และสัมผัสกับสภาพทางภูมิศาสตร์ของประเทศและวิถีชีวิตของประชาชนชาวเวียดนามอีกพอสมควร ได้แก่ การชมเส้นทางจากสนามบินโนยบายเข้ากรุงฮานอย ย่านชุมชนเก่าแก่ในกรุงฮานอย บ้านพักและที่ทำงานของท่านประธานโฮจิมินห์เมื่อยังมีชีวิตอยู่ มหาวิทยาลัยวันเหมียวที่มีอายุเกือบ 1,000 ปี สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1070 วัดเสาเดียว พิพิธภัณฑ์ทหาร พิพิธภัณฑ์โฮจิมินห์ การแสดงหุ่นกระบอกน้ำ การชมเส้นทางระหว่างกรุงฮานอยกับเมือง Halong Bay การชมธรรมชาติทางทะเลของ Halong Bay ซึ่งเป็นมรดกโลก 1 ใน 5 แห่งของเวียดนาม
มีรายการแถมตามคำขอแบบทันทีทันใดของคณะศึกษาดูงาน คือการเยี่ยมชมชุมชนหมู่บ้านชนบทที่อยู่ข้างเส้นทางระหว่าง Halong Bay กับฮานอย รายการนี้ไม่มีการวางแผนหรือเตรียมการล่วงหน้า จึงพบเห็นสภาพที่เป็นธรรมชาติปกติของชาวหมู่บ้านชนบทเวียดนาม ได้แก่ สภาพบ้านเรือนแบบเรียบง่ายพออยู่ได้ การทำมาหากินที่ทุกคนได้รับการจัดสรรทรัพยากรพื้นฐานโดยเฉพาะที่ดินอย่างเสมอภาค หมู่บ้านที่เราแวะเยี่ยมชมคงจะมีรายได้คงเหลือพอสมควรเพราะกำลังสร้างศาลเจ้าใหม่สวยงาม มูลค่าประมาณ 3 – 4 ล้านบาท มีวัดแบบเรียบง่ายซึ่งมีบริเวณสำหรับกิจกรรมร่วมกัน เช่น ลานสำหรับการออกกำลังกาย (ได้เห็นผู้สูงอายุรำพัดประกอบดนตรี) ลานสำหรับหัดขับรถมอร์เตอร์ไซค์ ที่ประทับใจคณะผู้ศึกษาดูงานมาก ได้แก่ ความเป็นกันเอง มีน้ำใจ กระตือรือล้นที่จะต้อนรับขับสู้และอำนวยความสะดวกต่างๆแบบทันทีทันใด สีหน้าที่แสดงถึงความสุขสงบ และชื่นบาน รวมทั้งได้พบสนทนากับเด็กนักเรียนหลายคนซึ่งมีความกล้าพูดภาษาอังกฤษแบบไม่กี่คำกับพวกเรา และแสดงออกอย่างมีชีวิตชีวาโดยไม่มีความขี้อายหรือหวั่นกลัว
สาระสำคัญที่ได้จากการศึกษาดูงาน สรุปโดยย่อ คือ
1. รัฐบาลเวียดนามให้ความสำคัญกับการพัฒนาการศึกษาของเยาวชนในอันดับสูงสุด จัดสรรงบประมาณให้มากเป็นพิเศษ มีนโยบายจัดการศึกษาที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมให้ถือปฏิบัติทั้งประเทศอย่างต่อเนื่องยาวนาน
2. ครูได้รับการสนับสนุนมากจากรัฐบาล รวมถึงการจัดการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยให้ผู้ต้องการมีอาชีพครูโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ให้เงินเดือนครูสูงเป็นอันดับสองรองจากทหารและทัดเทียมกับเงินเดือนแพทย์ ครูได้รับการนับถือและมีสถานะสูงทางสังคม ครูมีการเรียนรู้และพัฒนาทั้งตามหลักสูตรพิเศษในช่วงปิดเทอมและในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ประจำสัปดาห์ ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยให้ครูในเวียดนามเป็นบุคคลากรที่มีคุณภาพและพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา
3. ครูโดยเฉพาะในชั้นประถมมองตัวเองว่าเป็นทั้งครูและผู้ปกครองคนที่สองของนักเรียน โรงเรียนจึงเป็นเหมือนบ้านที่สองของนักเรียนไปด้วย มีความร่วมมือสูงระหว่างโรงเรียนกับผู้ปกครองและโรงเรียนกับชุมชน โดยมีคณะกรรมการของชุมชนเป็นกลไกดำเนินการนอกเหนือจากการติดต่อโดยตรงระหว่างครูกับผู้ปกครองรายคน
4. ระบบการศึกษาในเวียดนาพยายามให้บ้านเป็นเสมือนโรงเรียนไปด้วย เป็นการเรียนจากการปฏิบัติ เช่นในการช่วยเหลือพ่อแม่ทำงานบ้าน และทำกิจกรรมในชุมชน เป็นต้น ในภาคกลางของเวียดนามมีการกำหนดให้นักเรียนชั้นประถมศึกษาทำ “การบ้าน 5 ข้อ” ทุกวันดังนี้*
(1) วันนี้หนูทำความดีอะไรบ้าง
(2) วันนี้หนูช่วยคุณพ่อคุณแม่ทำงานบ้านอะไรบ้าง
(3) วันนี้ชุมชนของหนูมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นบ้าง
(4) ให้รายงานข่าวหนึ่งข่าวเกี่ยวกับประเทศเวียดนาม
(5) ให้รายงานข่าวหนึ่งข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์โลก
การบ้าน 5 ข้อนี้ ส่งผลให้เด็กรู้จักตนเอง รู้จักคุณธรรมความดี รู้จักจริยธรรม รู้จักชุมชนตนเอง รู้จักครอบครัวตัวเอง รู้จักประเทศตนเอง และรู้จักสังคมโลก
5. การศึกษาในเวียดนามมีเข็มมุ่งอยู่ที่ “อุดมการณ์ 5 ข้อ” ของประธานโฮจิมินห์ หรือ “ลุงโฮ” ของเด็กๆ โดยทุกห้องเรียนจะมีเป็นแผ่นป้ายแสดงข้อความของอุดมการณ์ 5 ข้อ ไว้อย่างเด่นชัดซึ่งได้แก่
(1) รักชาติ รักประชาชน
(2) เรียนดี ทำงานดี
(3) สามัคคี มีวินัย
(4) รักษาอนามัยดี
(5) ถ่อมตน ซื่อสัตย์ กล้าหาญ
นอกจากนั้นยังมีแผ่นป้ายอีกแผ่นหนึ่งที่มีความเด่นชัดเท่าเทียมกัน แสดงข้อความซึ่งเป็นคำกล่าวของประธานโฮจิมินห์ ว่า
“ประเทศชาติจะสวยงาม ชนชาติเวียดนามจะก้าวหน้า เคียงบ่าเคียงไหล่กับ 5 ทวีป หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการเรียนของลูกหลาน”
6. การศึกษาของเวียดนามเน้นการมีคุณธรรมและประพฤติดีเป็นอันดับต้น แต่ก็มุ่งให้มีวิชาการและความสามารถด้วย มีการให้รางวัลและสิ่งจูงใจแก่นักเรียนที่ประพฤติดีเรียนดีอย่างเป็นระบบ เช่นการให้ผ้าผูกคอสีแดง การให้รางวัลระดับโรงเรียน ระดับจังหวัด ระดับประเทศ เป็นต้น เป็นการแข่งขันกันทำความดีตลอดเวลา อย่างจริงจังและอย่างต่อเนื่อง
7. มีการให้รางวัลผู้ทำหน้าที่ครูได้ดีเช่นเดียวกัน เช่นเป็นครูดีเด่นระดับโรงเรียน ระดับจังหวัด ระดับประเทศ เป็นต้น โรงเรียน 2 แห่งที่เราไปเยี่ยมจัดอยู่ในกลุ่มโรงเรียนดีเด่น มีครูดีเด่นและนักเรียนดีเด่นจำนวนมาก บทบาทของครูใหญ่ก็มีความสำคัญสูง เป็นผู้ดูแลให้ครูมีการจัดการเรียนการสอนได้ดี มีการเรียนรู้ร่วมกันจากการปฏิบัติงาน เช่นการประชุมประจำสัปดาห์เพื่อทบทวนการปฏิบัติงานที่ผ่านมา หาทางแก้ไขและป้องกันปัญหารวมทั้งพยายามพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปอีกอยู่เสมอๆ
8. ทั้งครูและนักเรียนเขียนหนังสือแบบคัดบรรจงเป็นหลัก ทั้งในเอกสารเตรียมการสอนของครู การเขียนบทเรียนบนกระดานหน้าชั้น การเขียนหนังสือของเด็กในสมุดของทุกวิชา ทั้งนี้โดยใช้ปากกาหมึกซึมซึ่งช่วยในการเขียนตัวอักษรให้สวยงามเป็นระเบียบ ระบบนี้น่าจะช่วยสร้างสมนิสัยประณีต เป็นระเบียบ มีวินัย มีสมาธิ มีสุนทรียภาพ ที่มีคุณค่าต่อบุคคลและต่อสังคมรวมถึงคุณค่าในการปฏิบัติหน้าที่การงานให้ดี
9. นักเรียนที่ได้ผ้าผูกคอสีแดงจะได้รับการดูแลเพิ่มเติมจากครูพิเศษเพื่อการนี้ นักเรียนมีการประเมินให้คะแนนกันเองในด้านต่างๆ และให้ครูนำไปประเมินต่อ ในระดับเยาวชนมีการจัดกิจกรรมเยาวชน เช่น เป็นกลุ่มอาสาสมัครไปทำความดีในลักษณะต่างๆ ได้แก่ การช่วยชุมชน ช่วยผู้เดือดร้อน ช่วยดูแลการจราจร ช่วยแนะนำผู้มาสมัครเข้าเรียน เป็นต้น
10. พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามมีบทบาทสำคัญมากในการบริหารประเทศรวมถึงในการบริหารการศึกษา ซี่งถือเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาชาติด้วยการพัฒนาคนทั้งในด้านคุณธรรมความสามารถ และการมีสุขภาพแข็งแรง ผู้ที่จะดำรงตำแหน่งในระดับบริหารจะต้องเป็นสมาชิกพรรคซึ่งจะต้องผ่านเงื่อนไขที่เข้มงวดรวมถึงการมีทั้งความดีและความสามารถ การเป็นสมาชิกพรรคจึงไม่ใช้เรื่องง่ายแต่ก็เป็นที่พึงปรารถนาของชาวเวียดนามโดยทั่วไปที่ประสงค์จะมีความก้าวหน้าในต่ำแหน่งหน้าที่การงาน โดยนัยนี้พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามจึงเป็นทั้งกลไกการจัดการขนาดใหญ่สำหรับประเทศและสังคมของเวียดนาม พร้อมๆกับเป็นกลไกส่งเสริมและควบคุมคุณภาพของบุคลากรไปในตัว
หมายเหตุ
1. รายละเอียดจากการศึกษาดูงานครั้งนี้มีอีกมาก ผู้ร่วมคณะศึกษาดูงานแต่ละคนมีการบันทึกในลักษณะต่างๆกัน คนหนึ่งที่บันทึกอย่างละเอียดเป็นรายวันรวมทั้งสรุปเชิงวิเคราะห์และวิจารณ์ด้วย คือ ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ซึ่งได้เขียนบันทึกนั้นลงใน Webblog “Gotoknow.org” ภายใต้ชื่อ Gotoknow.org/thaikm
2. ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม (ศูนย์คุณธรรม) ได้สนับสนุนให้มีการศึกษาวิจัยเรื่อง “คุณลักษณะและกระบวนการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมของประทศเวียดนาม” ซึ่งทำการศึกษาวิจัยโดย รตอ.ดร.นิติภูมิ นวรัตน์ โดยได้นำผลการศึกษาวิจัยมาตีพิมพ์เป็นเอกสารเรียบร้อยแล้วและได้ใช้เอกสารดังกล่าวประกอบการศึกษาดูงานครั้งนี้ด้วย
3. ในระหว่างการศึกษาดูงาน ได้มีกระบวนการสะท้อนความคิดเห็นแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันเป็นระยะๆ ทำนอง AAR (After Action Review) ซึ่งเป็นประโยชน์และมีคุณค่ามาก รวมทั้งได้นัดหมายที่จะให้คณะผู้ศึกษาดูงานได้พบกันและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับกิจกรรมที่แต่ละคนได้ดำเนินการหรือจะดำเนินการ รวมถึงกิจกรรมที่อาจจะดำเนินการร่วมกันโดยหลายคนหรือหลายฝ่ายด้วย
ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม
17 พ.ค. 49
อ้างอิง
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย นาย ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ใน ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม
เว็บไซต์ ต้นฉบับ https://www.gotoknow.org/posts/29367