จดหมายถึงญาติมิตรพัฒนาสังคม ฉบับที่ 28 (10 ก.ย. 50)
“ละคร” กฎหมายสภาองค์กรชุมชน ฉากที่ 2 (ต่อ) / ร่าง พรบ. สภาองค์กรชุมชน พ.ศ. …… (ฉบับล่าสุด)/ ถาม-ตอบ สาระสำคัญของร่าง พรบ. สภาองค์กรชุมชน
“ละคร” กฎหมายสภาองค์กรชุมชน ในฉากที่ 2 นี้ คงต้องแบ่งเป็น 2 ตอน ตอนที่ 1 มีบทบาทของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นหลัก ส่วนตอนที่ 2 เป็นตอนที่เกี่ยวโยงกับบทบาทของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นสำคัญ
ในตอนที่ 1 ของฉากที่ 2 นี้ หลังจากนี้ หลังจากที่กระทรวง พม. เปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ เมื่อวันที่ 23 ส.ค. 50 แล้วตั้งคณะทำงานร่วมหลายฝ่ายขึ้นมายกร่าง พรบ. สภาองค์กรชุมชน ฉบับใหม่ โดยพยายามปรับจากร่างของ สนช. ให้สอดคล้องกับความเห็นคิดที่ได้รับฟังมา จึงได้ร่าง พรบ. สภาองค์กรชุมชน พ.ศ. … ฉบับล่าสุด ดังนี้
บันทึกหลักการและเหตุผล
ประกอบร่างพระราชบัญญัติสภาองค์กรชุมชน
พ.ศ. ….
………………………………
หลักการ
ให้มีกฎหมายว่าด้วยสภาองค์กรชุมชน
เหตุผล
ด้วยชุมชนเป็นสังคมฐานรากที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ มีวิถีชีวิต วัฒนธรรมแตกต่างหลากหลายตามภูมินิเวศน์ การพัฒนาประเทศที่ผ่านมา ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทั้งทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ชุมชนอ่อนแอ ประสบปัญหาความยากจน เกิดปัญหาสังคมมากขึ้น ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมของชุมชนถูกทำลายจนเสื่อมโทรม เพื่อให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง มีสถานภาพ สามารถจัดการตนเองได้อย่างยั่งยืน รวมทั้ง มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศ การสร้างระบอบประชาธิปไตย และระบบธรรมาภิบาล ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้บัญญัติรับรองสิทธิชุมชนและประชาชนให้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาท้องถิ่นตามความหลากหลายของวิถีชีวิต วัฒนธรรมและภูมิปัญญาของท้องถิ่น จึงเห็นสมควรส่งเสริมและสนับสนุนให้ชุมชนและประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีความจำเป็นต้องมีพระราชบัญญัตินี้
ร่าง
พระราชบัญญัติ
สภาองค์กรชุมชน
พ.ศ. ….
…………………………
…………………………………………………………
…………………………………………………………
…………………………………………………………
………………………………………………………………………………………………………………………………………..
โดยที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมายว่าด้วยสภาองค์กรชุมชน
……………………………………………………………………………………………………………
…………………………
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติสภาองค์กรชุมชน พ.ศ. ….”
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้
“ชุมชน” หมายความว่า กลุ่มคนที่มีวิถีชีวิตเกี่ยวพันกัน และมีการติดต่อสื่อสารระหว่างกันอย่างเป็นปกติและต่อเนื่อง โดยเหตุที่อยู่ในอาณาบริเวณเดียวกัน หรือมีอาชีพเดียวกันหรือประกอบกิจกรรมที่มีวัตถุประสงค์ร่วมกัน หรือมีวัฒนธรรม ความเชื่อ หรือความสนใจร่วมกัน
“องค์กรชุมชน” หมายความว่า กลุ่มประชาชนในหมู่บ้านหรือชุมชนที่รวมตัวกันจัดตั้งเป็นองค์กรเพื่อดำเนินการร่วมกันในการพัฒนาชุมชน หรือในการช่วยเหลือหรือสนับสนุนกัน หรือทำกิจกรรมอันชอบด้วยกฎหมายและศีลธรรมอันดีร่วมกัน โดยมีระบบการบริหารจัดการตามที่ตกลงกัน ทั้งนี้ ไม่ว่าประชาชนจะจัดตั้งกันขึ้นเอง หรือโดยการแนะนำหรือสนับสนุนของหน่วยงานของรัฐ เอกชน หรือองค์กรพัฒนาเอกชน
“ผู้แทนองค์กรชุมชน” หมายความว่า ประธานกรรมการขององค์กรชุมชน หรือหัวหน้ากลุ่ม หรือผู้ดำรงตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเป็นผู้นำขององค์กรชุมชนในทำนองเดียวกัน
“หมู่บ้าน” หมายความว่า หมู่บ้านตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะการปกครองท้องที่ และให้หมายความรวมถึงชุมชนที่จัดตั้งขึ้นตามประกาศของทางราชการ
“องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” หมายความว่า องค์การบริหารส่วนตำบล เทศบาล เขตในกรุงเทพมหานคร หรือเขตพื้นที่ที่กฎหมายเรียกชื่อเป็นอย่างอื่น
“จังหวัด” หมายความรวมถึง กรุงเทพมหานคร
“รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีที่รักษาการตามพระราชบัญญัติฉบับนี้
มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
หมวด ๑
สภาองค์กรชุมชน
…………………………
มาตรา ๕ การจัดตั้ง สภาองค์กรชุมชนให้พิจารณาถึงความพร้อมและเห็นสอดคล้องต้องกันของกลุ่มประชาชนในหมู่บ้านหรือชุมชน เพื่อดำเนินการตามภารกิจที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัตินี้
การจัดตั้งสภาองค์กรชุมชน ให้ผู้แทนองค์กรชุมชนที่ได้จดแจ้งการจัดตั้งไว้กับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งเป็นที่ทำการขององค์กรชุมชนนั้น ก่อนวันประชุมปรึกษาหารือร่วมกันตามวรรคสาม
ในการประชุมจัดตั้งสภาองค์กรชุมชน ต้องมีผู้แทนขององค์กรชุมชนมาร่วมประชุมไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบขององค์กรทั้งหมดตามวรรคสอง จึงเป็นองค์ประชุม และต้องเห็นสอดคล้องต้องกันให้จัดตั้งสภาองค์กรชุมชนไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบของจำนวนองค์กรชุมชนทั้งหมดตามวรรคสอง
เมื่อได้จัดตั้งแล้ว ให้จดแจ้งการจัดตั้งสภาองค์ชุมชนต่อ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งเป็นที่ทำการของ สภาองค์กรชุมชน และให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งนั้นรายงานผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อทราบ
มาตรา ๖ เมื่อที่ประชุมปรึกษาหารือผู้แทนองค์กรชุมชนตามมาตรา ๕ เห็นสอดคล้องกันให้จัดตั้งสภาองค์กรชุมชน ให้ที่ประชุมกำหนดหลักเกณฑ์การดำเนินงานสภาองค์กรชุมชนอย่างน้อย ดังนี้
(1) องค์ประกอบ และจำนวนสมาชิกสภาองค์กรชุมชน
(2) คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของสมาชิกสภาองค์กรชุมชน โดยคำนึงถึงความ หลากหลาย และการเปิดโอกาสให้ผู้แทนองค์กรชุมชนในหมู่บ้านมีส่วนร่วมอย่างทั่วถึง
(3) ตำแหน่งหน้าที่ และบทบาทความรับผิดชอบในสภาองค์กรชุมชน
(4) วาระการดำรงตำแหน่ง และการพ้นจากตำแหน่งของสมาชิกสภาองค์กรชุมชน
(5) การประชุมสมาชิกสภาองค์กรชุมชน
(6) การยุบเลิกสภาองค์กรชุมชน
โดยผู้แทนองค์กรชุมชนไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบขององค์กรชุมชนที่จดแจ้งเห็นชอบตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดร่วมกัน
หากหมู่บ้านหรือชุมชนใดได้มีการดำเนินงานในรูปแบบสภาองค์กรชุมชน และมีวัตถุประสงค์สอดคล้องกับสภาองค์กรชุมชน ให้สามารถดำเนินการต่อเนื่องต่อไปได้โดยได้รับการรับรองจากที่ประชุมของสมาชิกไม่น้อยกว่าร้อยละหกสิบขององค์กรชุมชน
มาตรา ๗ ให้สภาองค์กรชุมชน มีภารกิจดังต่อไปนี้
(๑) ส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์กรชุมชนในเกิดความเข้มแข็งและสมาชิกองค์กรชุมชนรวมตลอดทั้งประชาชนทั่วไปใน สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
(๒) ส่งเสริมและสนับสนุน ให้สมาชิกองค์กรชุมชนอนุรักษ์หรือฟื้นฟูจารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่น ศิลปะหรือวัฒนธรรมอันดีของชุมชนและของชาติ
(๓) ส่งเสริมและสนับสนุนให้สมาชิกองค์กรชุมชนร่วมกันจัดการดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่น รวมทั้งการร่วมมือกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและหน่วยงานของรัฐในการจัดการ การบำรุงรักษา และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อชุมชนและประเทศชาติอย่างยั่งยืน
(๔) เสนอแผนชุมชนต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อนำไปประกอบการพิจารณาในการ จัดทำแผนพัฒนาของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
(๕) เสนอแนะปัญหาและแนวทางแก้ไข หรือความต้องการของประชาชนอันเกี่ยวกับ การจัดทำบริการสาธารณะ ของหน่วยงานของรัฐ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
(๖) จัดให้มีเวทีการปรึกษาหารือกันของประชาชนเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการให้ความคิดเห็นต่อ การดำเนิน โครงการหรือกิจกรรมของหน่วยงานภาครัฐหรือเอกชนที่มีผลหรืออาจ ก่อให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมหรือทรัพยากรธรรมชาติ สุขภาพอนามัย คุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชน ทั้งนี้ หน่วยงานภาครัฐซึ่งเป็นผู้ดำเนินการหรือเป็นผู้อนุญาตให้ภาคเอกชนดำเนินการนำความเห็นดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาด้วย
(๗) ประสานและร่วมมือกับสภาองค์กรชุมชนอื่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
(๘) วางระเบียบและข้อบังคับในการดำเนินกิจการของสภาองค์กรชุมชน
(๙) จัดทำรายงานการดำเนินงานของสภาองค์กรชุมชน รวมถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในด้านต่างๆ เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ
(๑๐) เสนอรายชื่อสมาชิกสภาองค์กรชุมชนให้เป็นผู้แทนไปร่วมประชุมในระดับจังหวัดของสภาองค์กรชุมชน
มาตรา ๘ ในการปฏิบัติภารกิจตามมาตรา ๗ สภาองค์กรชุมชนจะตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อปฏิบัติภารกิจแทนก็ได้ โดยคำนึงถึงความเหมาะสม คล่องตัว ประสิทธิผล ประสิทธิภาพ และประหยัดในการดำเนินงาน
ในการปฏิบัติภารกิจของคณะกรรมการตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามระเบียบ ข้อบังคับ และภารกิจของสภาองค์กรชุมชน
มาตรา ๙ การส่งเสริมสนับสนุนการจัดตั้ง การดำเนินงานและการพัฒนาสภาองค์กรชุมชน ให้เป็นไปตามข้อตกลงร่วมกันของสภาองค์กรชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
หมวด ๒
การประชุมในระดับจังหวัดของสภาองค์กรชุมชน
………………………….
มาตรา ๑๐ ให้มีการประชุมสภาองค์กรชุมชนในระดับจังหวัดอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้งเมื่อ
(๑) สภาองค์กรชุมชนไม่น้อยกว่าหนึ่งในสี่ของสภาองค์กรชุมชนทั้งหมดในจังหวัดเห็นควรให้มีการประชุมเพื่อพิจารณาและเสนอแนะเรื่องใดเรื่องหนึ่งอันอยู่ในภารกิจของสภาองค์กรชุมชน
(๒) ผู้ว่าราชการจังหวัดเห็นเป็นการสมควรที่จะรับฟังความคิดเห็นของสภาองค์กรชุมชน ในการจัดทำหรือแก้ไขแผนพัฒนาจังหวัด หรือความเห็นต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
มาตรา ๑๑ ในการประชุมในระดับจังหวัดของสภาองค์กรชุมชน บุคคลดังต่อไปนี้ย่อมมีสิทธิเข้าร่วมประชุม แสดงความคิดเห็น และลงมติ
(๑) ผู้แทนของสภาองค์กรชุมชน
(๒) ผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดซึ่งผู้แทนของสภาองค์กรชุมชนตาม (๑) คัดเลือกให้เชิญมาร่วมประชุมมีจำนวนไม่เกินหนึ่งในห้าของผู้แทนของสภาองค์กรชุมชนตาม (๑)
หลักเกณฑ์การเสนอชื่อผู้ทรงคุณวุฒิตาม (๒) ให้เป็นไปตามระเบียบของที่ประชุมของผู้แทนตาม (๑)
อ้างอิง
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย นาย ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ใน ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม
เว็บไซต์ ต้นฉบับ https://www.gotoknow.org/posts/126812