จดหมายถึงญาติมิตรพัฒนาสังคม ฉบับที่ 31 (8 ต.ค. 50)
“ละคร” กฎหมายสภาองค์กรชุมชน (ฉากที่ 2 ตอนที่ 2 (ต่อ) และสัปดาห์ที่ไม่มีวันหยุด (ต่อ))
เรื่องร่าง พรบ. สภาองค์กรชุมชน ที่เปรียบเสมือน “ละครเรื่องยาว” และมีความไม่แน่นอนค่อนข้างมากนั้น ปรากฎว่าได้ดำเนินมาดีกว่าที่ผมคาดคิด
นั่นคือ แม้ว่า “วิปรัฐบาล” จะยืนตามมติคณะรัฐมนตรี ได้แก่ การแจ้ง สนช. ว่ารัฐบาลคงจะไม่เสนอร่าง พรบ. ประกบโดยจะออกระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีมารองรับการดำเนินงานของสภาองค์กรชุมชนไปพลางก่อน แต่ “วิปสภา” กลับเห็นควรรับร่าง พรบ. ที่สมาชิกสภาฯ (ครูมุกดาและคณะ) เสนอ !
เข้าใจว่าเป็นผลจากความพยายามของ “ครูหยุย” (วัลลภ ตังคณานุรักษ์) และครูมุกดา (อินต๊ะสาร) เป็นหลัก ที่พยายามอธิบายสร้างความเข้าใจและขอรับการสนับสนุนจากสมาชิก สนช. จำนวนมากโดยเฉพาะผู้ที่เป็นกรรมาธิการใน “วิปสภา”
ต่อมาเมื่อ ร่าง พรบ. สภาองค์กรชุมชนเข้าสู่การพิจารณาของ สนช. เมื่อ 27 ก.ย. 50 ปรากฎว่ามีผู้อภิปรายสนับสนุน 10 กว่าคน และผู้อภิปรายคัดค้านเพียง 1 คน
ผลการลงคะแนน คือ รับหลักการ 61 คน ไม่รับหลักการ 32 คน งดออกเสียง 5 คน
สภาฯ ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ 22 คน เสนอโดยสภาฯ 18 คน เสนอโดยรัฐบาล (โดยกระทรวง พม.) 4 คน (ซึ่งกระทรวง พม. ได้ให้ ก.มหาดไทยเสนอมา 2 คน และกระทรวง พม. เสนอเอง 2 คน) และให้สมาชิกแปรญัตติใน 7 วัน
ถือเป็นความก้าวหน้าอย่างสำคัญ ที่ สนช. รับหลักการของร่าง พรบ. ฉบับนี้ และเป็นจุดพลิกผันที่ผมเองไม่กล้าที่จะคาดหวังไว้แต่ได้กลายเป็นจริงขึ้นมาแล้ว
ได้ทราบด้วยว่าคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พรบ.สภาองค์กรชุมชน ได้ประชุมนัดแรกแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ 5 ต.ค.50 ได้เลือกครูหยุยเป็นประธานและครูมุกดาเป็นเลขานุการ โดยมีคุณสมสุข บุญญะบัญชา เป็นรองเลขานุการ และจะประชุมต่อไปทุกวันศุกร์จนกว่าจะพิจารณาเสร็จ
เป็น “ละครเรื่องยาว” ที่น่าติดตามดูตอนต่อๆ ไปใช่ไหมครับ ! ?
สัปดาห์ที่ผ่านมาของผม เป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันแล้วที่ผมไม่ได้ “หยุด” (ทำงาน) ทั้งในวันเสาร์และวัน อาทิตย์ รวมถึงเป็นสัปดาห์ที่ยังคงมีเรื่องประเภท “เข้มข้น” อยู่พอสมควรทีเดียว
เริ่มต้นสัปดาห์ วันที่ 1 ต.ค. ท่านนายกฯ เชิญหารือพร้อมรองนายกฯโฆษิต และ รมต. 4 คน ที่มีประเด็นการถือหุ้นเกินร้อยละ 5 กับอีก 1 รมต. ที่มีประเด็นการเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยเอกชน
ผลการหารือ ท่านนายกฯ เห็นว่า รมต. ทั้ง 5ท่าน ไม่จำเป็นต้องลาออกโดยมีเหตุผลชัดเจนว่าไม่มีความผิดหรือความด่างพร้อยใดๆ เนื่องจากไม่มีผู้ใดมีเจตนาและไม่มีผู้ใดรับทราบว่ามีกฎหมายห้ามเนื่องจากมีการเลิกใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 และในรัฐธรรมนูญ ปี 2549 ไม่มีการระบุเรื่องการถือหุ้นของรัฐมนตรี ในขณะที่รัฐธรรมนูญปี 2550 มีข้อยกเว้นให้กับคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันซึ่งเข้ามาในลักษณะพิเศษโดยจะทำหน้าที่ระยะสั้นเพียงชั่วคราว
อย่างไรก็ดี รมต. 2 ท่าน คือ คุณเกษม (สนิทวงศ์ ณ อยุธยา) และคุณสวนิต (คงสิริ) ได้ยืนยันขอลาออกเพื่อจะสบายใจกว่า ส่วนรมต. อีก 3 ท่าน (คุณหมอมงคล ณ สงขลา คุณสมหมาย ภาษี และท่านอาจารย์วิจิตร ศรีสอ้าน) ยอมคงอยู่ในตำแหน่งตามที่ท่านนายกฯร้องขอ ซึ่งกรณีของทั้ง 3 ท่านนี้ สามารถอธิบายได้ชัดเจนว่าไม่มีข้อขัดข้องทั้งทางกฎหมายและทางจริยธรรม
เป็นอันว่ารัฐบาลต้องสูญเสีย รมต. ไป 5 คน อย่างไม่คาดคิด ด้วยเหตุซึ่งไม่น่าจะเป็นเหตุเลย !
แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะครับ ในเมื่อมันได้เป็นไปอย่างนั้นแล้ว !
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังมีเรื่อง “ยุ่ง” และ “วุ่น” สำหรับกระทรวง พม. และ สำหรับผม นั่นคือการมีหนังสือ ร้องเรียนและกล่าวหาข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกระทรวง พม. ว่ามีพฤติกรรมทุจริตและชู้สาว โดยส่งหนังสือมาถึงผมและส่งให้สมาชิก สนช. กับสื่อมวลชนหลายแห่ง เป็นผลให้สื่อสิ่งพิมพ์หลายฉบับนำไปลง เป็นข่าวสำคัญในวันพฤหัสบดีที่ 4 ต.ค.
ผมปรึกษาหมอพลเดช (รมช.พม.) และทีมงานแล้ว เห็นร่วมกันว่าควรตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเพื่อพิทักษ์ชื่อเสียงของกระทรวง พม. กับข้าราชการ พม. โดยรวม โดยให้ได้มาซึ่งความจริงอันจะช่วยให้สามารถพิจารณาได้ว่าควรดำเนินการอย่างไรต่อไปจึงจะเป็นธรรมและเหมาะสม
เย็นวันศุกร์ที่ 5 ต.ค. ผมกับหมอพลเดชและทีมงาน สรุปความเห็นร่วมกันได้ว่าควรเชิญผู้ใดเป็นประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ซึ่งผมได้ทาบทามท่าน และท่านได้ตอบรับแล้ว ดังนั้นคงจะออกคำสั่งแต่งตั้ง คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงได้ในวันจันทร์ที่ 8 ต.ค.
วันเสาร์ที่ 6 ต.ค. ผมไปจังหวัดอุบลราชธานี สุรินทร์ และศรีสะเกษ เพื่อทำหน้าที่ เนื่องใน “สัปดาห์ที่อยู่อาศัย สร้างถิ่นฐานมั่นคง ด้วยวิถีชุมชนไทย – 80,000 ครอบครัว 800 ชุมชน” โดยไปเยี่ยมและประกอบพิธี ฯลฯ เกี่ยวกับ “โครงการบ้านมั่นคง” ในเขตอำเภอเมืองของทั้ง 3 จังหวัด
วันอาทิตย์ที่ 7 ต.ค. ไปจังหวัดพิษณุโลก ประชุมหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัด (คุณสมบูรณ์ ศรีพัฒนาวัฒน์) และคณะ เรื่องการบูรณาการแผนงานและงบประมาณในระดับท้องถิ่นและจังหวัด สำหรับปีงบประมาณ 2551 และการตั้งงบประมาณของจังหวัดที่จะต้องเตรียมการในช่วงปี 2551 เพื่อมีผลปฏิบัติในปีงบประมาณ 2552 ประชุมเพียง 1 ชั่วโมง แต่ได้สาระดีและควรจะเป็นประโยชน์มาก ทั้งนี้ เลขาธิการ กพร. และผู้แทน สน.งบประมาณ ได้เดินทางไปร่วมในการประชุมหารือด้วย
จากนั้น ผมเดินทางไปเยี่ยมราษฎรซึ่งประสบอุทกภัย ที่ ต.วังทอง (อ.วังทอง) ต.ชมพู (อ.เนินมะปราง) และ ต.ชุมแสงสงคราม (อ.บางระกำ) โดยใช้โอกาสนี้ศึกษาเรื่องระบบการป้องกัน การเตรียมความพร้อม การเผชิญเหตุ การช่วยเหลือ และการฟื้นฟูพัฒนา อันเนื่องมาจากภัยพิบัติ ด้วย
ตอนบ่าย ไปร่วมกิจกรรมและประกอบพิธีปิด “สมัชชาคุณธรรมและตลาดนัดคุณธรรม ภาคเหนือ ” ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยไปขึ้นเครื่องบินที่ จ.สุโขทัย
เป็นอีกสัปดาห์หนึ่งที่ผมไม่มีวันหยุด แต่ก็ได้งานได้สาระน่าพอใจครับ
สวัสดีครับ
ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม
อ้างอิง
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย นาย ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ใน ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม
เว็บไซต์ ต้นฉบับ https://www.gotoknow.org/posts/136282