จดหมายถึงญาติมิตรพัฒนาสังคม ฉบับที่ 36 (3 ธ.ค. 50)
ระหว่างอยู่ในรัฐบาล พยายามไม่ไปต่างประเทศ แต่ก็ต้องไปบ้าง
ระหว่างผมทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของคณะรัฐมนตรี ได้พิจารณาว่ามีภารกิจต้องทำมาก โดยต้องอยู่ในประเทศ จึงพยายามไม่เดินทางไปต่างประเทศ เพราะการไปต่างประเทศแต่ละครั้ง มักต้องเสียเวลาไปกับการเดินทาง การต้องมีพิธีการต่างๆ กับเรื่องจิปาถะค่อนข้างมาก และสาระที่ได้จากการเดินทางไปต่างประเทศซึ่งส่วนใหญ่เป็นการไปประชุม ก็มักมีน้อยหรือไม่มากนัก ไม่คุ้มค่ากับเวลาที่เสียไป
ฉะนั้น ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลชั่วคราว ผมจึงตัดสินใจไม่เดินทางไปเองในกรณีได้รับเชิญไปประชุมต่างประเทศ โดยจะมอบหมายให้ผู้อื่นไปแทน เช่น ปลัดกระทรวง อธิบดี เป็นต้น
ต่อมาเมื่อผมได้รับแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.). โดยมีหมอพลเดช ปิ่นประทีป เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ (กระทรวง พม.) ผมก็ยิ่งสะดวกขึ้น เพราะสามารถมอบหมายให้ รมช. ไปต่างประเทศแทน ซึ่งเป็นผลให้หมอพลเดชต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยครั้ง
ที่คงจะทารุณหน่อย คือระหว่างวันที่ 5 ถึง 15 ธ.ค. นี้ หมอพลเดช ในฐานะ รมช.พม. ต้องเดินทางไปประชุมแทนผมที่ประเทศเวียดนาม (กรุงฮานอย) ระหว่าง 5-7 ธ.ค. กลับมาประเทศไทยแล้วไปประชุมที่นครนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 11-12 ธ.ค. จากนั้นบินตรงไปกรุงปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อประชุมในวันที่ 14 ธ.ค. ก่อนเดินทางกลับประเทศไทย
ดีแล้วที่ผมไม่ไปเอง เพราะสภาพร่างกายของผมคงยังไม่เหมาะที่จะสมบุกสมบันขนาดนั้น ! (แต่หมอพลเดชยังหนุ่มกว่ามาก และบอกว่าสู้ไหว !)
ที่จริงยังมีรายการประชุมที่กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย ระหว่างวันที่ 6-7 ธ.ค. ซึ่งผมมอบหมายให้รักษาการปลัดกระทรวงเป็นหัวหน้าคณะไปแทน
อย่างไรก็ดี ในช่วงเวลา 13 เดือนเศษที่ผมอยู่ในรัฐบาล ก็ได้มี 2 ครั้งที่ผมจำเป็นต้องไปต่างประเทศ เพราะได้รับการเชิญและร้องขออย่างเจาะจงตัวให้ไป ซึ่งเป็นการไปกล่าวปาฐกถา ไม่ใช่ไปประชุมธรรมดา
ครั้งแรก ไปพูดเรื่องการแก้ปัญหาความยากจนในการประชุม ซึ่ง ESCAP เป็นผู้จัดที่กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 1-2 มีนาคม 2550
ครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 7-8 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ไปพูดเรื่องการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ยากจนในเมือง ในการประชุม ณ กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่ง Cities Alliance เป็นผู้จัด
สำหรับช่วงเวลาที่เหลือของรัฐบาลนี้ เพียง 2-3 เดือนข้างหน้า ผมคิดว่าน่าจะไม่มีเหตุให้ผมต้องเดินทางไปต่างประเทศอีก
สวัสดีครับ
ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม
อ้างอิง
บันทึกนี้เขียนที่ GotoKnow โดย นาย ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ใน ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม
เว็บไซต์ ต้นฉบับ https://www.gotoknow.org/posts/151117